ข่าวกีฬา แน่นอน กูรูบางคนฟันธง
ตั้งแต่ก่อนเริ่มเกมแล้วว่ามันมีโอกาสสูงพอตัวที่ อาร์เซน่อล จะแพ้ เชลซี คารัง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าสำหรับแฟนบอล “ไอ้ปืนใหญ่” แล้วนั้น พวกเขาอยากให้ผลการแข่งขันมันออกมาดีกว่าที่จะต้องมาเห็นทีมรักแพ้ในเกม ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ 0-2
ผลการแข่งขันแบบนั้นทำให้ทั้ง มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล รวมถึงบอร์ดบริหารของทีมเจอกับกระแสกดดันมากขึ้นไปอีก เพราะเดิมทีสาวก “ไอ้ปืนใหญ่” หลายคนก็ไม่ประทับใจ
กับผลงานโดยรวมของทีมนับตั้งแต่ที่ อาร์เตต้า เข้ามาคุมทีมอยู่แล้ว โดยความปราชัยในนัดล่าสุดทำให้มันเป็นครั้งแรกที่ อาร์เซน่อล ออกสตาร์ตในลีก 2 นัดแรกแบบแพ้ทั้งหมด และยิงประตูไม่ได้เลยด้วย
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่ตัวเลขเดียวที่แสดงให้เห็นถึงสภาพที่น่าเป็นห่วงของ อาร์เซน่อล ในตอนนี้ ลองไปดูกันดีกว่าว่ามันมีอะไรอีกบ้าง
– 20
เกมกับ เชลซี นับเป็นการนำ อาร์เซน่อล ลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก เป็นนัดที่ 60 ของ อาร์เตต้า แต่กลับกลายเป็นว่าเขานำทีมพบกับความปราชัยในลีกไปแล้วถึง 20 เกมด้วยกัน หรือก็คือคิดเป็น 1 ใน 3 จากการนำทีมลงเล่นในลีก ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมากเกินไปสำหรับสโมสรระดับ อาร์เซน่อล
– 78.9 vs 78.2
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นการบันทึกสถิติในโลกลูกหนังให้ความสำคัญกับสถิติด้าน “จังหวะที่ควรจะเป็นประตู” (Expected Goals) อย่างมาก เพราะมันช่วยสื่อได้ในระดับหนึ่งว่าทีมนั้นๆ สามารถสร้างเกมรุกจนมีจังหวะลุ้นทำประตูได้มากแค่ไหน โดยนับตั้งแต่ที่ อาร์เตต้า ประเดิมการคุม อาร์เซน่อล เมื่อช่วงบ็อกซิ่งเดย์ ปี 2019 ทีมของเขาก็มีตัวเลข “จังหวะที่ควรจะเป็นประตู” อยู่ที่ 78.2
การเป็น “อันดับ 6” อาจจะฟังดูดี แต่ 5 อันดับที่อยู่เหนือกว่าเขาต่างก็เป็นทีมใหญ่เหมือนกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แถมเอาจริงๆ ทีมของ อาร์เตต้า ก็ยังเก็บแต้มน้อยกว่า สเปอร์ส ที่เป็นอันดับ 5 อยู่ถึง 7 แต้มด้วย หากนับเฉพาะจำนวนแต้มที่ “ไก่เดือยทอง” ทำได้นับตั้งแต่วันบ็อกซิ่งเดย์ของปี 2019 เป็นต้นมา
ขอบคุณข่าว : https://www.siamsport.co.th/